简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
คุณกำลังเป็นเหมือนทฤษฎีนี้หรือเปล่า? กลัวการขาดทุน...จนทำให้พอร์ตไม่โต
บทคัดย่อ:ทฤษฎี Loss Aversion แสดงให้เห็นถึงแรงขับทางจิตวิทยาที่ส่งผลต่อการตัดสินใจของมนุษย์ ไม่ว่าจะในชีวิตประจำวันหรือในเรื่องการลงทุน การเข้าใจและเอาชนะภาวะนี้จึงเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้นักลงทุนสามารถวางกลยุทธ์ได้ดีขึ้น และสร้างการเติบโตที่ยั่งยืน

แอดเหยี่ยวขอถามนักเทรดทุกคนว่า นักเทรดกำลังเป็นเหมือนทฤษฎี Loss Aversion อยู่หรือเปล่า? กลัวการขาดทุนจนทำให้พอร์ตไม่เติบโต การไม่กล้า Stop Loss อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้คุณพลาดโอกาสในการพัฒนาพอร์ตของคุณ จิตวิทยานี้ชี้ให้เห็นว่าคนเรามักให้ค่าความทุกข์จากการสูญเสียมากกว่าความสุขจากการได้กำไร ในบทความนี้มาลองสำรวจตัวเองกัน!
ทฤษฎี Loss Aversion คืออะไร?ทฤษฎี Loss Aversion เป็นแนวคิดทางจิตวิทยาที่อธิบายว่ามนุษย์ให้ความสำคัญกับความสูญเสียหรือความเจ็บปวดมากกว่าความสุขที่ได้จากสิ่งที่ได้รับ ผลวิจัยเผยว่าการสูญเสียมีผลกระทบทางอารมณ์มากกว่าความสุขจากการได้รับถึงสองเท่า โดย Daniel Kahneman นักจิตวิทยาชาวอเมริกันเจ้าของรางวัลโนเบลสาขาเศรษฐศาสตร์ และ Amos Tversky เพื่อนร่วมวิจัยของเขา ได้ทดสอบและนิยามทฤษฎีนี้ เพื่ออธิบายว่าทำไมมนุษย์ถึงหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่อาจทำให้สูญเสีย แม้การเลี่ยงนี้จะขัดขวางโอกาสในการเติบโตก็ตาม
ตัวอย่าง Loss Aversion ในชีวิตประจำวัน
- เรามักจดจำคนที่ทำให้เรารู้สึกเจ็บปวด เช่น อกหัก มากกว่าความสัมพันธ์ที่จบลงด้วยดี
- การพบเงิน 100 บาทให้ความรู้สึกน้อยกว่าการสูญเสียเงินจำนวนเดียวกัน
- หลายคนเลือกที่จะไม่เลี้ยงสัตว์ เพราะกลัวความเจ็บปวดเมื่อมันจากไป
- ความกลัวที่จะผิดหวังทำให้บางคนหลีกเลี่ยงการเริ่มต้นความรักใหม่
ความเกี่ยวข้องของ Loss Aversion กับการลงทุนในโลกการลงทุน ความกลัวที่จะสูญเสียทำให้นักลงทุนหลายคนไม่กล้าตัดสินใจ Stop Loss แม้ว่าสถานการณ์จะบ่งชี้ว่าเป็นการตัดสินใจที่สมเหตุสมผล การถือหุ้นต่อด้วยความหวังว่ามูลค่าจะกลับมาเป็นกำไร เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้พอร์ตลงทุนไม่เติบโต เมื่อราคาหุ้นลดลง นักลงทุนมักหลีกเลี่ยงการขายเพราะกลัวความเจ็บปวดจากการสูญเสียที่เกิดขึ้นจริง ผลที่ได้คือนักลงทุนขายหุ้นในจุดที่ขาดทุนหรือทำกำไรน้อยเกินไป
ผลการทดลองที่สะท้อนทฤษฎีนี้ตัวอย่างเช่น การแจกโบรชัวร์การตรวจมะเร็งเต้านมให้ผู้หญิงสองกลุ่ม ซึ่งเนื้อหาในโบรชัวร์กลุ่มหนึ่งเน้นถึงประโยชน์จากการตรวจ อีกกลุ่มหนึ่งเน้นถึงความเสี่ยงหากไม่ตรวจ ผลปรากฏว่ากลุ่มที่ได้รับข้อมูลแบบ “เน้นความสูญเสีย” มีการตื่นตัวและลงมือทำตามมากกว่า แม้ข้อมูลพื้นฐานจะเหมือนกัน แต่การย้ำถึงผลเสียกลับกระตุ้นการตอบสนองได้ดีกว่า
การประยุกต์ใช้ในด้านอื่นๆทฤษฎี Loss Aversion ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ธุรกิจประกันชีวิตเติบโต เพราะความกลัวการสูญเสียทำให้คนยอมจ่ายเบี้ยประกันราคาสูงเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น นอกจากนี้ยังอธิบายพฤติกรรมในความสัมพันธ์ เช่น การที่คู่รักหลายคู่เลือกทนทุกข์ในความสัมพันธ์ที่ไม่มีความสุขเพียงเพราะไม่อยากสูญเสียสิ่งที่เคยลงทุนทั้งเวลาและความรู้สึกไป
สรุปทฤษฎี Loss Aversion แสดงให้เห็นถึงแรงขับทางจิตวิทยาที่ส่งผลต่อการตัดสินใจของมนุษย์ ไม่ว่าจะในชีวิตประจำวันหรือในเรื่องการลงทุน การเข้าใจและเอาชนะภาวะนี้จึงเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้นักลงทุนสามารถวางกลยุทธ์ได้ดีขึ้น และสร้างการเติบโตที่ยั่งยืน
ขอบคุณข้อมูลจาก uhas
อ่านข่าวสาร Forex ทั่วโลกเพิ่มเติมคลิกเลย :https://www.wikifx.com/th/original.html?source=tso4
คุณสามารถตรวจสอบใบอนุญาตโบรกเกอร์ Forex และอ่านรีวิวข้อมูลต่าง ๆ ได้ง่าย ๆ ผ่านแอป WikiFX เพียงแค่ไปค้นหาชื่อก็เจอข้อมูล ใครที่อยากได้ความรู้ เทคนิค กลยุทธ์การเทรด หรือการวิเคราะห์แนวโน้มตลาด ก็สามารถเข้ามาอ่านได้ อีกทั้งยังมีบริการ EA VPS บนแอป WikiFX อีกด้วย แอปเดียวที่จบครบเรื่อง Forex ดาวน์โหลดฟรี โหลดเลยตอนนี้จะพลาดได้ไง!

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
อ่านเพิ่มเติม

ฟอเร็กซ์ vs หุ้น ความเสี่ยงตัวไหนแรงกว่า? เจาะลึกด้วยหลัก Money Management
บทความนี้อธิบายความเสี่ยงของการลงทุนในตลาด Forex และตลาดหุ้น โดยชี้ให้เห็นว่าความเสี่ยงไม่ได้เกิดจากตัวตลาดเพียงอย่างเดียว แต่เกิดจากการใช้ Leverage การบริหารเงิน และวินัยของเทรดเดอร์เป็นหลัก Forex ถูกจัดว่ามีความเสี่ยงสูงกว่า เนื่องจากความผันผวนรวดเร็วและ Leverage สูง ขณะที่หุ้นมีความผันผวนต่ำกว่าและควบคุมความเสี่ยงได้ง่ายกว่า อย่างไรก็ตาม หากมีระบบ Money Management ที่ดี Forex ก็สามารถลดความเสี่ยงและสร้างโอกาสได้เช่นกัน สรุปคือ การเลือกตลาดควรพิจารณาจากสไตล์และวินัยของผู้ลงทุนมากกว่าตัวตลาดเอง.

เช็กปฏิทินข่าวสำคัญประจําสัปดาห์! มีเหตุการณ์อะไรน่าติดตามบ้าง
ปฏิทินข่าว Forex และเหตุการณ์สำคัญประจําสัปดาห์

อยากเทรดให้เก่ง? เริ่มจากสร้าง “ระบบเทรด” ที่พิสูจน์แล้วว่าทำงานจริง
การเทรด Forex ต้องอาศัยความรู้และระบบการเรียนรู้ที่มีแบบแผน ไม่ใช่เพียงการกดออเดอร์หรือหวังพึ่งโชค การศึกษาการเทรดอย่างเป็นระบบ—ทั้งกลยุทธ์ การบริหารเงินทุน ความเสี่ยง และจิตวิทยา—ช่วยให้เทรดเดอร์ตัดสินใจอย่างมีวินัย ลดอารมณ์ และเข้าใจตลาดได้ลึกขึ้น การฝึกด้วยบัญชีทดลอง การตั้งเป้าหมาย การทบทวนผลการเทรด และการเรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญล้วนเป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยสร้างพื้นฐานสู่การเป็นเทรดเดอร์มืออาชีพ ความสำเร็จในตลาด Forex เกิดจากการฝึกฝนต่อเนื่องและวินัย ไม่ใช่ความรวดเร็วหรือการเสี่ยงโดยไร้แผน.

Psychology of Trading จุดอ่อนทางอารมณ์ที่ทำให้เทรดเดอร์พลาดในทุกจังหวะตลาด
บทความนี้อธิบายความแตกต่างระหว่าง ตลาดกระทิง และ ตลาดหมี พร้อมชี้ให้เห็นว่าแก่นสำคัญของการอยู่รอดในตลาด Forex ไม่ใช่ทิศทางของราคา แต่คือ จิตวิทยาและวินัยของเทรดเดอร์ ตลาดกระทิงมักสร้างความมั่นใจและความโลภ ขณะที่ตลาดหมีทำให้เกิดความกลัวและการขายแบบตื่นตระหนก ความผิดพลาดส่วนใหญ่เกิดจากพฤติกรรมมนุษย์ ไม่ใช่สภาพตลาด เทคนิคสำคัญเพื่ออยู่รอดคือ การอ่านแนวโน้มหลัก ตั้งกฎการเทรดที่ชัดเจน ใช้ Stop Loss อย่างมีวินัย และควบคุมอารมณ์ให้มั่นคง บทความสรุปว่า การเข้าใจทั้งตลาดและเข้าใจตัวเองคือกุญแจสู่การเติบโตของพอร์ตอย่างยั่งยืน
WikiFX โบรกเกอร์
IC Markets Global
TMGM
D prime
JustMarkets
VT Markets
Exness
IC Markets Global
TMGM
D prime
JustMarkets
VT Markets
Exness
WikiFX โบรกเกอร์
IC Markets Global
TMGM
D prime
JustMarkets
VT Markets
Exness
IC Markets Global
TMGM
D prime
JustMarkets
VT Markets
Exness
