简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
อย่าเลือกโบรกเกอร์เพราะแค่ชื่อ ต้องรู้จักประเภทโบรกเกอร์ Forex ด้วย
บทคัดย่อ:นักเทรดควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับประเภทของโบรกเกอร์ที่มีอยู่ในตลาด Forex เพื่อให้สามารถเลือกโบรกเกอร์ที่เหมาะสมได้ โดยโบรกเกอร์ในตลาด Forex แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก คือ 1. โบรกเกอร์ Dealing Desks (DD) 2. โบรกเกอร์ No Dealing Desks (NDD)

การเลือกโบรกเกอร์เทรดด้วยชื่อเสียงไม่ใช่สิ่งที่ไม่ดี ชื่อเสียงโบรกเกอร์ รีวิวจากผู้ใช้ก็ยังถือว่าเป็นหนึ่งในองค์ประกอบของการตัดสินใจเลือก แต่ก็มีอีกสิ่งหนึ่งที่นักเทรดจะต้องรู้เพื่อนำไปประกอบการพิจรณาด้วย นั่นคือประเภทโบรกเกอร์เพื่อจะได้รู้ว่าโบรกเกอร์ประเภทนี้เหมาะกับเรามากน้อยแค่ไหน เรามาทำความเข้าใจประเภทโบรกเกอร์ไปกับแอดเหยี่ยวในบทความนี้ครับ
ทำความเข้าใจประเภทโบรกเกอร์ Forex
นักเทรดควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับประเภทของโบรกเกอร์ที่มีอยู่ในตลาด Forex เพื่อให้สามารถเลือกโบรกเกอร์ที่เหมาะสมได้ โดยโบรกเกอร์ในตลาด Forex แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก คือ
- โบรกเกอร์ Dealing Desks (DD)
- โบรกเกอร์ No Dealing Desks (NDD)
โบรกเกอร์ Dealing Desks (DD)
หรือที่เรียกว่า Market Maker ทำหน้าที่เป็นผู้สร้างตลาดเอง คำสั่งซื้อของคุณจะถูกจัดการโดยโบรกเกอร์และจะไม่ถูกส่งต่อไปยังตลาดกลาง Forex เนื่องจากโบรกเกอร์เป็นผู้กำหนดราคาเอง อาจอ้างอิงราคาจากตลาดกลางในบางจุด เมื่อคุณเปิดออเดอร์ โบรกเกอร์จะจับคู่คำสั่งซื้อขายกับคำสั่งตรงข้ามในระบบของตนเองก่อน หากไม่พบคู่ที่เหมาะสม โบรกเกอร์อาจค้นหาในตลาดจริงหรือในระบบของโบรกเกอร์อื่น หรือหากไม่สามารถจับคู่ได้ โบรกเกอร์อาจรับคำสั่งซื้อขายของคุณไว้เอง หากเห็นว่ามีโอกาสทำกำไร แต่ถ้าโบรกเกอร์ประเมินแล้วว่าไม่มีโอกาสทำกำไร หรือไม่สามารถประเมินได้เนื่องจากตลาดผันผวน โบรกเกอร์อาจปฏิเสธคำสั่งซื้อขายนั้นไปเลย
ข้อดีของโบรกเกอร์ Dealing Desk (DD)
- มีค่าบริการถูก
- มีค่า Spread ค่อนข้างตายตัว
ข้อเสียของโบรกเกอร์ Dealing Desk (DD)
- การส่งคำสั่งซื้ออาจล่าช้าและมีค่า Latency สูง เนื่องจากต้องดำเนินการผ่านเคาน์เตอร์จัดการหรือระบบภายในของ DD เอง
- อาจเกิดการปฏิเสธคำสั่งซื้อในกรณีที่ไม่สามารถจับคู่คำสั่งซื้อขายได้ หรือเมื่อราคามีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในช่วงที่ตลาด Forex ผันผวน เนื่องจากโบรกเกอร์ DD มักใช้ค่าสเปรดคงที่และไม่สามารถปรับขยายตามสภาพตลาดได้ จึงอาจทำการบล็อกคำสั่งซื้อ หรือเสนอราคาใหม่ (Re-Quotes) ซึ่งมักไม่เป็นประโยชน์ต่อนักเทรด
- ความปลอดภัยต่ำกว่าเมื่อเทียบกับ NDD เนื่องจากโบรกเกอร์ DD มักไม่ส่งคำสั่งซื้อเข้าสู่ตลาดกลาง จึงอาจมีราคากราฟที่ไม่เป็นมาตรฐานและการดำเนินการที่ไม่โปร่งใส ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อกำไรของนักเทรด
โบรกเกอร์ No Dealing Desks (NDD)
โบรกเกอร์ประเภทนี้ไม่ทำหน้าที่เป็นตลาดหรือเจ้ามือเอง (ไม่ใช่โบรกเกอร์แบบ DD) แต่ทำหน้าที่เป็น 'ตัวกลาง' หรือสะพานเชื่อมระหว่างตลาดกลาง Forex และนักเทรดเท่านั้น นักเทรดยังคงส่งคำสั่งซื้อขายผ่านโบรกเกอร์ NDD ซึ่งจะส่งต่อคำสั่งเหล่านั้นไปยังตลาดกลาง โดยโบรกเกอร์ NDD ทำกำไรจากการเก็บค่าคอมมิชชั่นและค่าสเปรดเท่านั้น ไม่ได้ทำกำไรโดยตรงจากคำสั่งซื้อของนักเทรด ค่าสเปรดของโบรกเกอร์ NDD มักจะเป็นแบบลอยตัวและผันผวนตามการเคลื่อนไหวของราคาจริงในตลาด
ในการเทรดแบบ NDD มีบัญชีให้เลือก 2 ประเภท ได้แก่
- บัญชีแบบ STP (Straight Through Processing)บัญชี STP ส่งคำสั่งซื้อขายโดยตรงไปยังผู้ให้บริการสภาพคล่อง เช่น ธนาคารผู้ดูแลสภาพคล่องหรือโบรกเกอร์อื่น ๆ โดยโบรกเกอร์จะสร้างรายได้จากค่าสเปรด
- บัญชีแบบ ECN (Electronic Communication Network)บัญชี ECN ส่งคำสั่งซื้อขายไปยังเครือข่ายการสื่อสารอิเล็กทรอนิกส์ (ECN) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่เชื่อมโยงตลาด Forex ช่วยให้นักเทรดสามารถซื้อขายกับผู้เข้าร่วมตลาดรายอื่น ๆ โดยโบรกเกอร์จะทำกำไรจากค่าคอมมิชชั่น
ความแตกต่างบัญชี ECN และ STP
บัญชี ECN และ STP มีความคล้ายคลึงกันมาก เนื่องจากทั้งสองประเภทนี้มีการทำธุรกรรมโดยตรงกับคู่ค้า ความแตกต่างหลักคือ เมื่อเทรดบนบัญชี ECN คู่ค้าจะเป็นผู้เข้าร่วมในระบบ ECN ทั้งหมด ขณะที่ในบัญชี STP คู่ค้าจะเป็นธนาคารหรือกลุ่มธนาคารหลายแห่ง นอกจากนี้ การเปิดบัญชีฟอเร็กซ์ในทั้งสองกรณีไม่จำเป็นต้องใช้เงินเริ่มต้น
ข้อดีของโบรกเกอร์ No Dealing Desk (NDD)
- คำสั่งซื้อถูกส่งได้อย่างรวดเร็ว แทบไม่มีปัญหา Re-Quote (การปฏิเสธคำสั่งซื้อ)
- มีความปลอดภัยสูงกว่าบัญชี Dealing Desk เนื่องจากคำสั่งซื้อจะเข้าสู่ตลาดกลางโดยตรง
ข้อเสียของโบรกเกอร์ No Dealing Desk (NDD)
- ค่าบริการอาจสูงกว่าโบรกเกอร์แบบ Dealing Desk เล็กน้อย
- ในบางกรณี โบรกเกอร์ DD อาจไม่ส่งคำสั่งซื้อเข้าสู่ตลาดกลาง ซึ่งอาจนำไปสู่การใช้กราฟราคาที่ไม่เป็นมาตรฐาน และการดำเนินการที่อาจส่งผลกระทบต่อกำไรของนักเทรด
ขอบคุณข้อมูลจาก zfx
อ่านข่าวสาร Forex ทั่วโลกเพิ่มเติมคลิกเลย :https://www.wikifx.com/th/original.html?source=tso4
คุณสามารถตรวจสอบใบอนุญาตโบรกเกอร์ Forex และอ่านรีวิวข้อมูลต่าง ๆ ได้ง่าย ๆ ผ่านแอป WikiFX เพียงแค่ไปค้นหาชื่อก็เจอข้อมูล ใครที่อยากได้ความรู้ เทคนิค กลยุทธ์การเทรด หรือการวิเคราะห์แนวโน้มตลาด ก็สามารถเข้ามาอ่านได้ อีกทั้งยังมีบริการ EA VPS บนแอป WikiFX อีกด้วย แอปเดียวที่จบครบเรื่อง Forex ดาวน์โหลดฟรี โหลดเลยตอนนี้จะพลาดได้ไง!

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
อ่านเพิ่มเติม

บัญชี ECN คืออะไร? ทางลัดสู่ราคาจริงที่เทรดเดอร์มืออาชีพเลือกใช้!
บัญชี ECN (Electronic Communication Network) เป็นระบบเทรดที่ส่งคำสั่งซื้อ–ขายตรงไปยังตลาดกลางหรือผู้ให้สภาพคล่อง ทำให้นักเทรดเห็นราคาจริง (Raw Price) โดยไม่มีการปรับแต่งจากโบรกเกอร์ ข้อดีของบัญชี ECN ได้แก่ ความโปร่งใส สเปรดต่ำ ความเร็วสูง และสามารถเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกของตลาด ทำให้เหมาะกับกลยุทธ์ Scalping, News Trading หรือ Swing Trading อย่างไรก็ตามบัญชี ECNต้องใช้เงินทุนเริ่มต้นสูงและมีความผันผวนมาก นักลงทุนควรเลือกโบรกเกอร์ที่เชื่อถือได้และมีใบอนุญาตครบถ้วน การใช้บัญชี ECNช่วยให้นักเทรดวางกลยุทธ์อย่างแม่นยำ ลดความเสี่ยงจากการเบี่ยงเบนของราคา และเข้าถึงตลาด Forex อย่างแท้จริง

บัญชี ECN คืออะไร? ทางลัดสู่ราคาจริงที่เทรดเดอร์มืออาชีพเลือกใช้!
บัญชี ECN (Electronic Communication Network) เป็นระบบเทรดที่ส่งคำสั่งซื้อ–ขายตรงไปยังตลาดกลางหรือผู้ให้สภาพคล่อง ทำให้นักเทรดเห็นราคาจริง (Raw Price) โดยไม่มีการปรับแต่งจากโบรกเกอร์ ข้อดีของบัญชี ECN ได้แก่ ความโปร่งใส สเปรดต่ำ ความเร็วสูง และสามารถเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกของตลาด ทำให้เหมาะกับกลยุทธ์ Scalping, News Trading หรือ Swing Trading อย่างไรก็ตามบัญชี ECNต้องใช้เงินทุนเริ่มต้นสูงและมีความผันผวนมาก นักลงทุนควรเลือกโบรกเกอร์ที่เชื่อถือได้และมีใบอนุญาตครบถ้วน การใช้บัญชี ECNช่วยให้นักเทรดวางกลยุทธ์อย่างแม่นยำ ลดความเสี่ยงจากการเบี่ยงเบนของราคา และเข้าถึงตลาด Forex อย่างแท้จริง

บัญชี ECN คืออะไร? ทางลัดสู่ราคาจริงที่เทรดเดอร์มืออาชีพเลือกใช้!
บัญชี ECN (Electronic Communication Network) เป็นระบบเทรดที่ส่งคำสั่งซื้อ–ขายตรงไปยังตลาดกลางหรือผู้ให้สภาพคล่อง ทำให้นักเทรดเห็นราคาจริง (Raw Price) โดยไม่มีการปรับแต่งจากโบรกเกอร์ ข้อดีของบัญชี ECN ได้แก่ ความโปร่งใส สเปรดต่ำ ความเร็วสูง และสามารถเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกของตลาด ทำให้เหมาะกับกลยุทธ์ Scalping, News Trading หรือ Swing Trading อย่างไรก็ตามบัญชี ECNต้องใช้เงินทุนเริ่มต้นสูงและมีความผันผวนมาก นักลงทุนควรเลือกโบรกเกอร์ที่เชื่อถือได้และมีใบอนุญาตครบถ้วน การใช้บัญชี ECNช่วยให้นักเทรดวางกลยุทธ์อย่างแม่นยำ ลดความเสี่ยงจากการเบี่ยงเบนของราคา และเข้าถึงตลาด Forex อย่างแท้จริง

เข้าใจคำว่า ‘มาจิ้น’ ผิด ชีวิตเทรดพัง! ควรรู้ให้ลึกก่อนหมดตัว
มาจิ้น (Margin) คือเงินประกันที่นักเทรดต้องฝากกับโบรกเกอร์เพื่อเปิดออเดอร์ โดยไม่จำเป็นต้องใช้เงินเต็มจำนวน การเข้าใจมาจิ้นสำคัญเพราะช่วยให้ใช้ leverage ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควบคุม Lot Size และ Stop Loss เพื่อลดความเสี่ยง Margin Call นักเทรดมืออาชีพใช้มาจิ้นเป็นเครื่องมือจัดการเงินทุน สร้างสมดุลระหว่างกำไรและความเสี่ยง ทำให้พอร์ตสามารถอยู่รอดในตลาดที่ผันผวนได้
WikiFX โบรกเกอร์
octa
Vantage
JustMarkets
Plus500
FXTM
ATFX
octa
Vantage
JustMarkets
Plus500
FXTM
ATFX
WikiFX โบรกเกอร์
octa
Vantage
JustMarkets
Plus500
FXTM
ATFX
octa
Vantage
JustMarkets
Plus500
FXTM
ATFX
