简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
บัญชี MAM VS บัญชี PAMM แตกต่างกันอย่างไร?
บทคัดย่อ: PAMM และ MAM จะมีความแตกต่างกันอยู่บ้างในเรื่องของการจัดการบัญชี แต่สิ่งที่มีความคล้ายกัน คือ การเลือกผู้จัดการบัญชีที่มีความน่าเชื่อถือ โดยจำเป็นต้องศึกษาประวัติของผู้จัดการบัญชีให้ดี เพื่อป้องกันความเสียหายที่สามารถเกิดขึ้นได้

วันนี้แอดเหยี่ยวมาไขข้อสงสัยให้กับนักเทรดมือใหม่ ว่าประเภทบัญชี PAMM และ MAM ประเภทบัญชีใทางเลือกในตลาด Forex สองประเภทบัญชีนี้ แตกต่างกันอย่างไร และมีข้อดี ข้อเสียอะไรบ้าง ไปเริ่มกันเลยครับ
.
บัญชี PAMM คืออะไร?
PAMM ย่อมาจาก Percent Allocation Management Module เป็นระบบการลงทุนประเภทหนึ่งที่นักลงทุนมอบหมายเงินทุนให้กับ ผู้จัดการกองทุน (Money Manager) เพื่อทำการเทรดแทน โดยผู้จัดการกองทุนจะบริหารเงินทุนของนักลงทุนหลายคนรวมกันใน บัญชีเดียว และแบ่งผลกำไรให้นักลงทุนตาม อัตราส่วนที่ตกลงไว้
หลักการทำงาน
1.นักลงทุนเลือก ผู้จัดการกองทุน ที่น่าเชื่อถือ มีประวัติผลงานดี และมีกลยุทธ์การเทรดที่สอดคล้องกับความต้องการ
2.นักลงทุนโอนเงินทุนเข้าบัญชี PAMM ของผู้จัดการกองทุน
3.ผู้จัดการกองทุนจะนำเงินทุนของนักลงทุนหลายคนมารวมกันใน บัญชีเดียว และทำการเทรดในตลาดเงิน
4.เมื่อผู้จัดการกองทุนทำกำไร นักลงทุนจะได้รับผลตอบแทนตาม อัตราส่วน เงินทุนที่ลงทุน
5.เมื่อผู้จัดการกองทุนขาดทุน นักลงทุนจะสูญเสียเงินทุนตาม อัตราส่วน เงินทุนที่ลงทุน
ข้อดีของ PAMM
สะดวก: นักลงทุนไม่จำเป็นต้องมีทักษะหรือความรู้ด้านการเทรด ผู้จัดการกองทุนจะจัดการให้ทั้งหมด
กระจายความเสี่ยง: เงินทุนของนักลงทุนจะถูกกระจายไปลงทุนในหลายๆ ตลาด ช่วยลดความเสี่ยงจากตลาดใดตลาดหนึ่ง
โอกาสทำกำไร: ผู้จัดการกองทุนมืออาชีพมีประสบการณ์และความรู้ มีโอกาสทำกำไรให้กับนักลงทุนมากกว่านักลงทุนทั่วไป
ข้อเสียของ PAMM
ความเสี่ยงจากการเลือกผู้จัดการกองทุน: นักลงทุนควรเลือกผู้จัดการกองทุนที่มีความน่าเชื่อถือ มีประวัติผลงานที่ดี และมีกลยุทธ์การเทรดที่สอดคล้องกับความต้องการ
ความเสี่ยงจากกลยุทธ์การเทรด: กลยุทธ์การเทรดทุกกลยุทธ์มีความเสี่ยง แม้กระทั่งกลยุทธ์ของผู้จัดการกองทุนมืออาชีพก็อาจสูญเสียเงินทุนได้
ความเสี่ยงด้านค่าธรรมเนียม: ผู้จัดการกองทุนส่วนใหญ่จะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจากผลกำไรที่นักลงทุนได้รับ นักลงทุนควรเปรียบเทียบค่าธรรมเนียมจากผู้จัดการกองทุนต่างๆ ก่อนตัดสินใจลงทุน
ความเสี่ยงด้านความปลอดภัย: เงินทุนของนักลงทุนจะอยู่ภายใต้การควบคุมของผู้จัดการกองทุน นักลงทุนควรเลือกผู้จัดการกองทุนที่มีใบอนุญาตประกอบธุรกิจอย่างถูกต้อง และมีมาตรการรักษาความปลอดภัยเงินทุนที่รัดกุม
.
บัญชี MAM คืออะไร?
ย่อมาจาก Multi-Account-Manager เป็นบัญชีมีลักษณะคล้ายคลึงกับบัญชี PAMM แต่บัญชี MAM จะใช้ผู้จัดการกองทุนส่วนตัว โดยเป็นบุคคลที่เราเลือกมาทำหน้าที่ในการดูแลพอร์ตของเราโดยตรง ซึ่งผู้จัดการกองทุนจะมีการเก็บค่าคอมมิชชันทุกครั้งที่มีการเทรด Forex ซึ่งบัญชี MAM จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีเงินลงทุนจำนวนมาก และสามารถใช้ภาษาอังกฤษได้ดี เนื่องจากเป็นการตกลงกันโดยตรงระหว่างผู้เปิดบัญชีกับผู้จัดการกองทุนส่วนตัวที่มีการตกลงได้ง่ายกว่าบัญชี PAMM
ข้อดีของบัญชี MAM
ความสะดวกสบาย: ไม่จำเป็นต้องมีทักษะหรือความรู้ในการเทรด Forex ด้วยตนเอง เพียงแค่เลือกผู้จัดการบัญชีที่มีประสบการณ์และเชื่อถือได้
กระจายความเสี่ยงได้: ผู้จัดการบัญชีจะกระจายเงินทุนของนักลงทุนไปยังกลยุทธ์การเทรดที่หลากหลาย ช่วยลดความเสี่ยงจากการเทรดผิดพลาดในสินทรัพย์เพียงตัวเดียว
ผลตอบแทนสูง: ผู้จัดการบัญชีที่มีประสบการณ์สามารถสร้างผลกำไรที่สูงกว่าการเทรดด้วยตนเอง
ความโปร่งใส: สามารถติดตามผลการเทรดของผู้จัดการบัญชีได้อย่างละเอียด
ข้อเสียของบัญชี MAM
ค่าธรรมเนียม: ผู้จัดการบัญชีจะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมเป็นเปอร์เซ็นต์จากผลกำไรที่ทำได้
การขาดการควบคุม: ไม่สามารถควบคุมการเทรดได้โดยตรง
ความเสี่ยงจากผู้จัดการบัญชี: ต้องเลือกผู้จัดการบัญชีที่มีประสบการณ์และเชื่อถือได้
ข้อควรระวังในการเลือกใช้บัญชี PAMM และ MAM
แม้ว่าบัญชี PAMM และ MAM จะมีความแตกต่างกันอยู่บ้างในเรื่องของการจัดการบัญชี แต่สิ่งที่มีความคล้ายกัน คือ การเลือกผู้จัดการบัญชีที่มีความน่าเชื่อถือ โดยจำเป็นต้องศึกษาประวัติของผู้จัดการบัญชีให้ดี เพื่อป้องกันความเสียหายที่สามารถเกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะกับบัญชี MAM ที่จำเป็นต้องศึกษาข้อมูลให้มีความละเอียดมากยิ่งขึ้น เนื่องจากเป็นบัญชีที่ผู้จัดการสามารถเข้าถึงบัญชีของคุณง่ายมากครับ
.
ขอบคุณข้อมูลจาก Fxbrokerscam
อ่านข่าวสาร Forex ทั่วโลกเพิ่มเติมคลิกเลย : https://www.wikifx.com/th/original.html?source=tso4
คุณสามารถตรวจสอบใบอนุญาตโบรกเกอร์ Forex และอ่านรีวิวข้อมูลต่าง ๆ ได้ง่าย ๆ ผ่านแอป WikiFX เพียงแค่ไปค้นหาชื่อก็เจอข้อมูล ใครที่อยากได้ความรู้ เทคนิค กลยุทธ์การเทรด หรือการวิเคราะห์แนวโน้มตลาด ก็สามารถเข้ามาอ่านได้ อีกทั้งยังมีบริการ EA VPS บนแอป WikiFX อีกด้วย แอปเดียวที่จบครบเรื่อง Forex ดาวน์โหลดฟรี โหลดเลยตอนนี้จะพลาดได้ไง!

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
อ่านเพิ่มเติม

บัญชี ECN คืออะไร? ทางลัดสู่ราคาจริงที่เทรดเดอร์มืออาชีพเลือกใช้!
บัญชี ECN (Electronic Communication Network) เป็นระบบเทรดที่ส่งคำสั่งซื้อ–ขายตรงไปยังตลาดกลางหรือผู้ให้สภาพคล่อง ทำให้นักเทรดเห็นราคาจริง (Raw Price) โดยไม่มีการปรับแต่งจากโบรกเกอร์ ข้อดีของบัญชี ECN ได้แก่ ความโปร่งใส สเปรดต่ำ ความเร็วสูง และสามารถเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกของตลาด ทำให้เหมาะกับกลยุทธ์ Scalping, News Trading หรือ Swing Trading อย่างไรก็ตามบัญชี ECNต้องใช้เงินทุนเริ่มต้นสูงและมีความผันผวนมาก นักลงทุนควรเลือกโบรกเกอร์ที่เชื่อถือได้และมีใบอนุญาตครบถ้วน การใช้บัญชี ECNช่วยให้นักเทรดวางกลยุทธ์อย่างแม่นยำ ลดความเสี่ยงจากการเบี่ยงเบนของราคา และเข้าถึงตลาด Forex อย่างแท้จริง

บัญชี ECN คืออะไร? ทางลัดสู่ราคาจริงที่เทรดเดอร์มืออาชีพเลือกใช้!
บัญชี ECN (Electronic Communication Network) เป็นระบบเทรดที่ส่งคำสั่งซื้อ–ขายตรงไปยังตลาดกลางหรือผู้ให้สภาพคล่อง ทำให้นักเทรดเห็นราคาจริง (Raw Price) โดยไม่มีการปรับแต่งจากโบรกเกอร์ ข้อดีของบัญชี ECN ได้แก่ ความโปร่งใส สเปรดต่ำ ความเร็วสูง และสามารถเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกของตลาด ทำให้เหมาะกับกลยุทธ์ Scalping, News Trading หรือ Swing Trading อย่างไรก็ตามบัญชี ECNต้องใช้เงินทุนเริ่มต้นสูงและมีความผันผวนมาก นักลงทุนควรเลือกโบรกเกอร์ที่เชื่อถือได้และมีใบอนุญาตครบถ้วน การใช้บัญชี ECNช่วยให้นักเทรดวางกลยุทธ์อย่างแม่นยำ ลดความเสี่ยงจากการเบี่ยงเบนของราคา และเข้าถึงตลาด Forex อย่างแท้จริง

บัญชี ECN คืออะไร? ทางลัดสู่ราคาจริงที่เทรดเดอร์มืออาชีพเลือกใช้!
บัญชี ECN (Electronic Communication Network) เป็นระบบเทรดที่ส่งคำสั่งซื้อ–ขายตรงไปยังตลาดกลางหรือผู้ให้สภาพคล่อง ทำให้นักเทรดเห็นราคาจริง (Raw Price) โดยไม่มีการปรับแต่งจากโบรกเกอร์ ข้อดีของบัญชี ECN ได้แก่ ความโปร่งใส สเปรดต่ำ ความเร็วสูง และสามารถเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกของตลาด ทำให้เหมาะกับกลยุทธ์ Scalping, News Trading หรือ Swing Trading อย่างไรก็ตามบัญชี ECNต้องใช้เงินทุนเริ่มต้นสูงและมีความผันผวนมาก นักลงทุนควรเลือกโบรกเกอร์ที่เชื่อถือได้และมีใบอนุญาตครบถ้วน การใช้บัญชี ECNช่วยให้นักเทรดวางกลยุทธ์อย่างแม่นยำ ลดความเสี่ยงจากการเบี่ยงเบนของราคา และเข้าถึงตลาด Forex อย่างแท้จริง

เข้าใจคำว่า ‘มาจิ้น’ ผิด ชีวิตเทรดพัง! ควรรู้ให้ลึกก่อนหมดตัว
มาจิ้น (Margin) คือเงินประกันที่นักเทรดต้องฝากกับโบรกเกอร์เพื่อเปิดออเดอร์ โดยไม่จำเป็นต้องใช้เงินเต็มจำนวน การเข้าใจมาจิ้นสำคัญเพราะช่วยให้ใช้ leverage ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควบคุม Lot Size และ Stop Loss เพื่อลดความเสี่ยง Margin Call นักเทรดมืออาชีพใช้มาจิ้นเป็นเครื่องมือจัดการเงินทุน สร้างสมดุลระหว่างกำไรและความเสี่ยง ทำให้พอร์ตสามารถอยู่รอดในตลาดที่ผันผวนได้
WikiFX โบรกเกอร์
AVATRADE
D prime
FOREX.com
Plus500
IC Markets Global
Vantage
AVATRADE
D prime
FOREX.com
Plus500
IC Markets Global
Vantage
WikiFX โบรกเกอร์
AVATRADE
D prime
FOREX.com
Plus500
IC Markets Global
Vantage
AVATRADE
D prime
FOREX.com
Plus500
IC Markets Global
Vantage
