简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
6 วิธีวางแผนทางการเงินที่เทรดเดอร์ควรรู้ ไม่แพ้เรื่องเทรด
บทคัดย่อ:6 วิธีวางแผนทางการเงินที่เทรดเดอร์ควรรู้ ไม่แพ้เรื่องเทรด

โดยปกติแล้วเทรดเดอร์มือใหม่ส่วนมากอาจจะสนใจและศึกษาหาความรู็เกี่ยวกับวิธีการเทรด หรืออินดิเคอร์ต่าง ๆ กันเป็นส่วนใหญ่ แต่มีอีกสิ่งหนึ่งที่แอดเหยี่ยวอยากแนะนำให้เทรดเดอร์ศึกษาไม่แพ้กันนั่นก็คือวิธีการวางแผนทางการเงิน เพราะ “เงิน” มีบทบาทสำคัญไม่เฉพาะการเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน เป็นเครื่องวัดค่าสิ่งของต่าง ๆ เท่านั้น แต่เงินยังสามารถสะสมเพื่อเพิ่มค่าได้ในอนาคต “การวางแผนการเงิน” อย่างเหมาะสมจะช่วยให้เราสามารถจัดการกับเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการบรรลุเป้าหมายชีวิต และนี้คือ 6 วิธีวางแผนทางการเงิน
1. ประเมินฐานะการเงินตัวเองด้วยการทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย
การทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายเป็นจุดเริ่มต้นการวางแผนการเงินที่ดีที่สุด เราจะเห็นว่าตัวเองมีรายรับจากกี่ช่องทาง จำนวนทั้งหมดเท่าไร ใช้จ่ายไปกับอะไรบ้าง ทั้งรายจ่ายรายเดือนที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เช่น ค่าใช้จ่ายสำหรับครอบครัว ค่าผ่อนบ้าน ผ่อนรถ หนี้บัตรเครดิต ฯลฯ ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน เช่น ค่าอาหาร ค่าเดินทาง ค่าข้าวของเครื่องใช้ภายในบ้าน ค่าสังสรรค์ ฯลฯ นอกจากจะรู้ว่าเงินของเราไปอยู่ตรงไหนบ้างแล้ว ยังทำให้เห็นว่าควรลดรายจ่ายไหนที่ไม่จำเป็น และที่สำคัญคือ รายรับต้องมากกว่ารายจ่าย เพราะเราจะได้แบ่งเงินจากรายรับมาเก็บออมตามแผนเพื่อบรรลุเป้าหมายของตนเองและช่วยให้เราวางแผนการเงินในอนาคตได้ดีขึ้น
2. ตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน และวางแผนการออมเงินตามเป้าหมายชีวิต
ควรตั้งเป้าหมายและกำหนดเวลาที่จะพิชิตเป้าหมายให้ชัดเจน รวมถึงมีการจัดลำดับความสำคัญของเป้าหมายให้สอดคล้องกับความสามารถทางการเงินในช่วงเวลานั้น ๆ เช่น ต้องการเก็บเงินซื้อบ้าน ซื้อรถ เที่ยวต่างประเทศ แต่งงาน เรียนต่อ ค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาของบุตรหลาน เป็นต้น หากยังไม่แน่ใจหรือไม่มีเทคนิคการเก็บออมในใจ อาจเริ่มต้นด้วยการแบ่งเงินจากรายได้ ประมาณ 10-20% มาเก็บออมไว้ทันที หากกลัวว่าจะเก็บเงินไม่อยู่ สามารถใช้การตัดผ่านบัญชีอัตโนมัติ ในระหว่างนี้ก็ศึกษาหาข้อมูลด้านการวางแผนทางการเงินและการเก็บออมเพิ่มเติมไปด้วย แล้วนำมาประยุกต์ให้เหมาะกับตนเอง ไม่ว่าเป้าหมายจะเล็กหรือใหญ่แค่ไหนก็เป็นไปได้แน่นอน และเป้าหมายที่ดี
3. จัดทำแผนการเงิน และแบ่งเงินเป็นสัดส่วน
เมื่อทราบถึงเป้าหมายแล้ว เราควรจัดสรรเงินให้เป็นระบบ แบ่งเงินอย่างชัดเจนว่าส่วนใดคือ รายจ่าย-เงินเก็บ จะทำให้การวางแผนการเงินง่ายขึ้น เพราะหลายคนเมื่อได้เงินเดือนมาก็หมดไปกับรายจ่ายที่รออยู่ตรงหน้า ไม่ว่าจะเป็นหนี้บ้าน หนี้รถ ค่าโทรศัพท์ ค่าน้ำ-ค่าไฟ ฯลฯ รู้ตัวอีกทีก็เหลือเงินเพียงหลักร้อย
4. วางแผนสำรองเงินฉุกเฉินเมื่อเกิดเรื่องไม่คาดฝัน
เชื่อว่าหลายคนลืมวางแผนการเงินสำหรับเรื่องฉุกเฉินไว้เสียสนิท เพราะว่าชีวิตคนเรามักไม่แน่นอน หากพรุ่งนี้คุณต้องตกงาน กิจการขาดทุนหนัก หรือต้องใช้เงินก้อนโตกะทันหัน เงินสำรองฉุกเฉินเป็นสิ่งที่ต้องมีให้พร้อม ถ้าเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นเมื่อไรก็หยิบเงินก้อนนั้นมาใช้ได้เลย ซึ่งควรมีกระแสเงินสดอย่างน้อย 3-6 เท่าของค่าใช้จ่ายทั้งหมด เช่น คุณมีรายจ่ายต่อเดือนทั้งหมด 10,000 บาท คุณจึงควรจะวางแผนการเงินและมีเงินสำรองฉุกเฉินประมาณ 30,000-60,000 บาท
5. ตรวจสอบและปรับแผนตามสถานการณ์
ควรหมั่นตรวจสอบแผนอย่างสม่ำเสมออย่างน้อยทุก 6 เดือนว่าทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่วางไว้หรือไม่ หากไม่ ก็ต้องหาสาเหตุว่าเกิดจากตัวเรา หรือมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดที่ทำให้ไม่เป็นไปตามแผน แล้วปรับแผนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป
6. นำเงินไปลงทุนต่อยอด
การสร้างความมั่งคั่งในระยะยาวไม่ใช่การมีเงินเก็บมากที่สุด แต่เป็นการสร้าง Passive income ที่ให้เงินช่วยทำงานแทนเรา ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนใน หุ้น ทองคำ ฟอเร็กซ์ คริปโต หรือแม้แต่อหังสาริมทรัพย์ เพื่อให้เงินที่เราหามาได้งอกเงยขึ้นอย่างมีคุณค่าและสามารถทำกำไรได้ในระยะยาว แต่การจะลงทุนเราควรศึกษาให้ดีทุกครั้งก่อนที่จะเริ่มลงทุน เพื่อให้เงินที่เราหามาอย่างยากลำบากนั้นไม่ศูนย์เปล่า
การวางแผนการเงิน เป็นเครื่องมือที่ช่วยบริหารจัดการเงินให้เป็นระบบมากขึ้น การวางแผนทางการเงินจึงมีความสำคัญเป็นอย่าางมาก หากไม่มีการวางแผนที่ดีก็อาจเกิดปัญหาได้ และเมื่อเราวางแผนทางการเงินดี เราก็จะสามารนำเงินไปต่อยอดได้ดียิ่งขึ้นโดยไม่ต้องกังวล สำหรับมือใหม่ที่สนใจลงทุนใน Forex อยากศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติม ก็สามารถดาวน์โหลดแอป WikiFX และเข้าที่หมวดการเรียนรู้ ทาง WikiFX ได้รวบรวมหลักสูตรการเทรด Forex ที่มือใหม่จำเป็นต้องรู้ไปจนถึงการเป็นเทรดเดอร์มืออาชีพไว้ในแอปและเว็บไซต์ คุณสามารถตรวจสอบใบอนุญาต และดูความน่าเชื่อถือด้านต่าง ๆ ของโบรกเกอร์ Forex ที่จะลงทุนด้วย พร้อมติดตามข่าวสาร และเรื่องราวการเงินการลงทุนในตลาด Forex แบบนี้ได้ทุกวันผ่านแอป WikiFX เพียงแค่ค้นหาชื่อโบรกเกอร์ก็เจอข้อมูล แอปเดียวที่จบครบ เรื่อง Forex ดาวน์โหลดฟรี! https://www.wikifx.com/th/download.html

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
อ่านเพิ่มเติม

เข้าใจคำว่า ‘มาจิ้น’ ผิด ชีวิตเทรดพัง! ควรรู้ให้ลึกก่อนหมดตัว
มาจิ้น (Margin) คือเงินประกันที่นักเทรดต้องฝากกับโบรกเกอร์เพื่อเปิดออเดอร์ โดยไม่จำเป็นต้องใช้เงินเต็มจำนวน การเข้าใจมาจิ้นสำคัญเพราะช่วยให้ใช้ leverage ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควบคุม Lot Size และ Stop Loss เพื่อลดความเสี่ยง Margin Call นักเทรดมืออาชีพใช้มาจิ้นเป็นเครื่องมือจัดการเงินทุน สร้างสมดุลระหว่างกำไรและความเสี่ยง ทำให้พอร์ตสามารถอยู่รอดในตลาดที่ผันผวนได้

หมดตัว! นักเทรดไทยเทรด 6 ปี สูญเงินผ่อนบ้าน-รถ บทเรียนราคาแพงที่ต้องอ่าน
เรื่องราวของคุณปลื้ม นักธุรกิจและเทรดเดอร์จากเชียงใหม่ เป็นบทเรียนสำคัญว่าการไล่ตามกำไรเร็วอาจทำให้สูญเสียมหาศาล เขาเริ่มจากธุรกิจส่วนตัวและการเทรดตาม Signal จนเงินเก็บแทบหมดช่วงโควิด แต่หลังกลับมาเรียนรู้เทรดอย่างเป็นระบบ ศึกษา Price Action และสร้างเทคนิคของตัวเอง เขาสามารถปั้นทุน 100 ดอลลาร์เป็น 8,000 ดอลลาร์ได้ แม้ยังไม่สามารถถอนกำไรทุกวัน แต่ได้บทเรียนสำคัญ: อย่าเทรดตามคนอื่น รู้จักความเสี่ยง เรียนรู้เทคนิคของตัวเอง และอดทนต่อความสูญเสีย

จากทองคำสู่น้ำมัน! รู้จัก Commodity Market ตลาดสำคัญที่ขับเคลื่อนค่าเงินทั่วโลก
ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodity Market) เป็นเวทีซื้อขายสินค้ามาตรฐาน เช่น น้ำมัน ทองคำ และสินค้าเกษตร ซึ่งมีผลโดยตรงต่อค่าเงินในตลาด Forex ราคาทองคำ น้ำมัน หรือสินค้าอื่น ๆ สะท้อนภาพรวมเศรษฐกิจโลกและส่งแรงสั่นสะเทือนมายังค่าเงิน นักเทรดที่เข้าใจ Commodity Market จะสามารถจับสัญญาณเศรษฐกิจ วิเคราะห์คู่เงิน เช่น XAU/USD หรือ USD/CAD ได้แม่นยำขึ้น และเพิ่มโอกาสทำกำไรจากตลาด Forex โดยไม่พึ่งพากราฟเพียงอย่างเดียว

Divergence ไม่ใช่แค่สัญญาณกลับตัว มันคือกระจกสะท้อนจิตใจนักเทรด!
บทความนี้อธิบายความสำคัญของ Divergence Forex ในฐานะสัญญาณที่สะท้อนทั้งการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้มราคาและจิตวิทยาตลาด Divergence เกิดเมื่อทิศทางของราคาไม่สอดคล้องกับตัวชี้วัดทางเทคนิค เช่น RSI หรือ MACD ซึ่งอาจบ่งบอกถึงการกลับตัวหรือการต่อเนื่องของเทรนด์ การเข้าใจและใช้ Divergence ควบคู่กับแนวรับ–แนวต้านและการบริหารความเสี่ยงอย่างมีระบบ จะช่วยให้นักเทรดตัดสินใจได้แม่นยำขึ้น และเทรดอย่างมีสติในตลาดที่ผันผวน
WikiFX โบรกเกอร์
EC Markets
Plus500
FOREX.com
ATFX
JustMarkets
FXTM
EC Markets
Plus500
FOREX.com
ATFX
JustMarkets
FXTM
WikiFX โบรกเกอร์
EC Markets
Plus500
FOREX.com
ATFX
JustMarkets
FXTM
EC Markets
Plus500
FOREX.com
ATFX
JustMarkets
FXTM
